วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

ไม่มีใครชอบ ปุ่ม Facebook Home คะแนน สำรวจ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน




หลังจากปล่อย Facebook Home ให้ดาวน์โหลดกันไปเป็นเวลาหนึ่งวันกว่าๆ
ก็ได้เวลาเช็คเรตกันแล้วว่าแนวทางของ Facebook นั้นเอาเข้าจริงแล้วถูกใจผู้ใช้กันแค่ไหน
จากยอดดาวน์โหลดไปมากกว่าหนึ่งแสนครั้ง มีผู้รีวิวแอพ Facebook Home ทั้งหมดประมาณ 3,500 ราย ด้วยคะแนนเฉลี่ยที่ 2.4 ดาว ผู้ใช้ส่วนใหญ่ให้คะแนนแอพไว้เพียงหนึ่งดาว สูงถึง 1,584 ราย (นับจนถึงปัจจุบัน) ตีเป็นสัดส่วนจากทั้งหมดมากถึง 46%



ความเห็นส่วนมากของคนที่ให้คะแนน Facebook Home ต่ำๆ ส่วนมากบอกว่าแอพตัวนี้ปิดฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับการใช้งานเป็นโทรศัพท์ออกไปซะเยอะ การไม่มีทั้งหน้าหลักสำหรับวางแอพอื่นนอกจากของ Facebook ต้องเข้าผ่านหน้า drawer เท่านั้น รวมถึงวางวิดเจ็ตไม่ได้อีกด้วย

ส่วนความเห็นของคนใช้แอพนี้แล้วถูกใจตอบสั้นๆ คือต้องติด Facebook พอสมควรเลย
ใครได้ลองบ้างแล้วมาแชร์กันได้ครับ


ที่มา - Mashable

เป็นหวัด คัดจมูก หายใจไม่ออก เมื่อห้ามใช้ยา ซูโดอีเฟดรีน ใช้ยานี้ไม่ได้ แล้วจะใช้ยาตัวใหนแทนว่ะ?



ในช่วงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ซูโดอีเฟดรีน” ตัวยาหนึ่งในสูตรตำรับยาแก้หวัดคัดจมูกที่นิยมใช้กันมายาวนาน และหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยา บางท่านอาจนึกไม่ออกว่าซูโดอีเฟดรีนคือยาอะไร แต่ถ้ายกตัวอย่างยายี่ห้อดัง เช่น แอคติเฟด ซูลิดีน นาโซลิน หรือยาแก้หวัดแบบบรรจุเสร็จ เช่นทิฟฟี่ ฟู หรือดีคอลเจน พลัส เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรู้จัก หรือเคยรับประทานยาเหล่านี้มาแล้ว
เหตุใดยาบ้านๆ อย่างซูโดอีเฟดรีนถึงถูกเปลี่ยนบทบาทจาก “ยารักษาโรค” กลายเป็น “สารตั้งต้นในการผลิตยาบ้า” แล้วประชาชนอย่างเราจะเลือกใช้ยาชนิดใดทดแทน ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความรู้ว่า ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) คือสารที่มีสูตรโครงสร้างทางเคมีใกล้เคียงกับสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายผลิตออกมาเวลาที่เราตื่นเต้น ตกใจ หรือโกรธจัด อะดรีนาลีนออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้เร็วและแรงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น หายใจเร็ว ม่านตาขยายกว้าง กล้ามเนื้อทุกส่วนตื่นตัวและมีประสาทสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์คับขัน เช่น เวลาไฟไหม้ สารอะดรีนาลีนนี่เองที่ทำให้คนมีพลังยกของหนักๆ ได้โดยไม่รู้สึกถึงความหนัก หรือไม่เคยยกของหนักขนาดนี้ได้มาก่อน
แม้สูตรโครงสร้างของซูโดอีเฟดรีนจะใกล้เคียงกับอะดรีนาลีน แต่ข้อดีของซูโดอีเฟดรีนคือ การออกฤทธิ์ต่อการหดตัวของหลอดเลือดเฉพาะที่เยื่อบุจมูกมากกว่าหลอดเลือดที่ส่วนอื่น ทำให้ยามีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดส่วนอื่นของร่างกายน้อยกว่า เราจึงนำสารซูโดอีเฟดรีนมาใช้เพื่อรักษาอาการคัดจมูก เพราะตัวยาซูโดอีเฟดรีนออกฤทธิ์จำเพาะต่อการหดตัวของหลอดเลือดที่เยื่อบุจมูกช่วยให้สารต่างๆ รั่วไหลออกจากหลอดเลือดสู่เยื่อบุจมูกน้อยลง ลดอาการบวมภายในเยื่อบุจมูก จึงบรรเทาอาการคัดจมูกได้ และยังช่วยให้ช่องทางเดินหายใจกว้างขึ้น ทำให้หายใจโล่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุช่องหูในกรณีหูอื้ออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้ยาซูโดฯ นี้เป็นสิ่งต้องห้ามแล้ว เราก็มีทางเลือกอื่น...เมื่อมีอาการคัดจมูก ได้แก่ ยาแก้คัดจมูกชนิดรับประทาน: ฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine)หรือจะเป็นยาแก้คัดจมูกชนิดใช้เฉพาะที่ ยาหดหลอดเลือดที่เยื่อบุจมูกชนิดใช้เฉพาะที่ (Topical Nasal Decongestant) มีฤทธิ์ลดบวมที่เยื่อบุจมูก ออกฤทธิ์เร็ว และมีผลต่อหัวใจและหลอดเลือดน้อยกว่ายาแก้คัดจมูกชนิดรับประทาน แต่ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 7 วัน เนื่องจากจะทำให้กลับมาคัดจมูกซ้ำและใช้ยาไม่ได้ผล (Rebound congestion) ตัวอย่างยามีทั้งแบบพ่นและหยอดจมูก ได้แก่ Xylometazoline HCl (Otrivin?), Oxymetazoline (Pernazene OXY, Iliadin) เป็นต้น
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก (Nasal Corticosteroid) ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) หรือที่รู้จักกันในชื่อยาแก้แพ้อากาศ แม้จะมีฤทธิ์แก้คัดจมูกไม่มากนัก แต่นำมาใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการอื่นของโรคจมูกอักเสบได้เช่นกัน ยาแก้แพ้อากาศรุ่นแรก เช่น Chlorpheniramine maleate, Brompheniramine maleate ออกฤทธิ์ลดน้ำมูกและบรรเทาอาการคันจมูก แต่มีข้อจำกัดคือทำให้ง่วงนอน ต่อมาจึงมีการพัฒนายาแก้แพ้อากาศกลุ่มใหม่ๆ เช่น Cetirizine (Zyrtec), Levocetirizine (Xyzal), Loratadine (Clarityne), Desloratadine (Aerius), fexofenadine (Telfast) ฯลฯ โดยออกฤทธิ์ต่อฮีสตามีนเฉพาะมากขึ้น (H1 receptor) ทำให้อาการข้างเคียงง่วงนอนน้อยมากหรือไม่มีเลย นอกจากนี้ยังมีข้อดีที่ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตามยากลุ่มนี้ยังไม่ค่อยได้ผลในการลดอาการคัดจมูก
น้ำมันหอมระเหยสำหรับสูดดม (Volatile oil) แม้จะไม่มีผลยืนยันชัดเจนในเรื่องของประสิทธิภาพเทียบกับยาแผนปัจจุบัน แต่น้ำมันหอมระเหยจำพวกน้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันระกำ น้ำมันเปปเปอร์มินต์ สเปียร์มินต์ เมนทอล การบูร พิมเสน หรือแม้แต่น้ำมันหอมระเหยสูตรพื้นบ้านของคนไทยที่ทำเองได้ง่าย เช่น การตั้งหม้อน้ำบนเตาไฟใส่หอมแดง 4-6 หัว ทุบหยาบๆ แล้วใช้ผ้าขนหนูคลุม จากนั้นจึงนำมาอังหน้าเพื่อสูดน้ำมันหอมระเหยจากหอมแดง หรือสูดดมน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มก็ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้เช่นกัน
สรุปว่า แม้วันนี้จะมีการจำกัดการใช้ยาซูโดอีเฟดรีน แต่ก็ยังมียาอื่นให้เลือกใช้อีกมากมาย ทั้งชนิดยารับประทาน ยาพ่นจมูก ยาหยอดจมูก และน้ำมันหอมระเหยสำหรับสูดดม แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงจะได้ไม่ต้องใช้ยาโดยไม่จำเป็น.

แต่ผมชอบ Sulidin ซูลิดิน มากว่าทำไงเออ




วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

โดเมนที่มี www และไม่มี www นำหน้า มันต่างกันนะ


เป็นเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด จริงๆมีใช่เรื่องที่ซับซ้อนอะไรเลย แต่จะอธิบายให้ฟัง เพื่อความเข้าใจตรงกัน หลายคนทำเว็บมานานยังไม่รู้ ก็มีครับ

เรื่องโดเมน ที่มี และ ไม่มี www นั้น ผมสรุปไว้สั้นๆตรงนี้เลย ว่ามันคือโดเมนเดียวกัน meewebfree.com และ www.meewebfree.com ถือว่าเป็นโดเมนเดียวกัน นับเป็น 1 หน่วยโดเมน

แต่ถ้าใครอยากรู้ที่มาที่ไปมากกว่ารู้แค่ว่าเป็นโดเมนเดียวกัน ก็อ่านกันต่อได้เลยครับ เพราะว่าจะมีการอธิบายเชิงลึกลงไปเลย 
เพื่อความเข้าใจอย่างซาบซึ้ง (หรือจะทำให้งงก็ไม่รู้ 555)

เรื่องนี้ต้องขอให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่อง sub domain ก่อนเลยครับ..... ตรงนี้ถือว่าทุกท่านได้อ่านจบ และเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ จะได้อธิบายต่อครับ



เนื่องจาก www ที่อยู่ข้างหน้า ตามที่เข้าใจตรงกัน ว่ามันคือ sub domain ของโดเมน นั่นแปลว่า www ที่อยู่หน้าชื่อ เราจะใช้หรือไม่ก็ได้ ไม่เสียเงินจดเพิ่ม เราจะเสียเงินเฉพาะ ค่าจดโดเมนเท่านั้น เช่น meewebfree.com mindwebhost.com เหล่านี้ ต้องเสียเงินจด นับเป็น 1  domain แต่ว่า sub domain การจะสร้างเพิ่ม เราสามารถทำได้ โดยการแก้ไขค่า DNS record ของโดเมนครับ


โดยปกติ ที่เราจดโดเมน เราก็มักจะเช่า host ด้วยเพื่อการทำเว็บ ดังนั้น web master หลายคนก็เลยไม่รู้ว่า www ที่เกิดขึ้นมานั้น แท้จริงแล้ว เกิดมาจากการทำงานของ hosting ไม่ใช่ของโดเมนเลย เพราะว่าอย่างที่บอกไปแล้วว่า โดเมนก็มีแค่ meewebfree.com นั่นเอง แต่เมื่อเราเช่า host ไม่ว่าที่ไหนๆ น่าจะ 90% ของโลกเรา เค้ากำหนดให้ sub domain ที่ชื่อ www นั้นมีหน้าเว็บ หน้าเดียวกับ domain เลย ก็เลยทำให้คนสามารถเปิดเว็บได้ทั้งมี และไม่มี www ดังจะสังเกตุว่า 

www.meewebfree.com กับ meewebfree.com ได้หน้าตาเหมือนกันเลย แต่อย่างที่บอกว่า ประมาณ 90% เพราะว่าก็ยังมี อีก 10% ที่ไม่ได้กำหนดให้ sub domain ที่ชื่อ www เปิดมาแล้วได้หน้าเว็บเดียวกับโดเมน

นั่นแปลว่า จริงๆแล้วหน้าเว็บ จะปรากฏที่โดเมน meewebfree.com ไม่ใช่ปรากฏที่ www.meewebfree.com เหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ด้วยระบบ hosting ก็เลยผูกให้ www.meewebfree.com มีหน้าเว็บที่เหมือน meewebfree.com ด้วยเลยเป็นอันเข้าใจตรงกันทั่วโลก

ดังนั้นเลิกเข้าใจผิดว่า www.meewebfree.com และ meewebfree.com เป็นคนละเว็บ คนละชื่อโดเมน เพราะว่ามันคือโดเมนเดียวกันครับ



แถมให้อีกนิดนึง ด้วยกระบวนการความเข้าใจเดียวกันนี้ จะทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมเห็นบางเว็บใช้ www2.domain.com www3.domain.com ซึ่งมันก็ไม่ใช่เทคนิคพิเศษอะไรเลย มันคือการทำงานแบบเดียวกับ www.domain.com นี่เองครับ (sub domain) 

และคำอธิบายนี้ก็ยังเป็นตัวบอกด้วยว่า ทำไมบางเว็บเข้าแบบที่ไม่มี www แล้วเข้าไม่ได้ หรือได้ผลที่ต่างจากหน้าที่ไม่มี www ถ้าเข้าเว็บแบบมี www ไม่ได้ แต่เข้าแบบไม่มี www ได้ แสดงว่าทุกอย่างทำงานปกติ แต่แค่ยังไม่ได้ตั้งให้ www ชี้เข้าไปยังหน้าเว็บแบบที่ไม่มี www เท่านั้นเองก็ลงเอยด้วยประการฉะนี้




วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

คนไกล้จะตาย ให้สังเกตอาการดังนี้

10 สัญญาณที่บอกว่าคุณหรือเขากำลังใกล้ตาย​​/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

       ไม่มีใครสามารถพยากรณ์ถึงวันตายของตนเองได้ แต่ทั้งแพทย์และพยาบาลผู้ที่มีประสบการณ์กับคนไข้ที่ใกล้ตายเกือบจะทุกวันสามารถบอกถึงอาการของคนไข้ที่เริ่มหมดอายุขัยได้ อาการดังกล่าวเหล่านี้ เป็นอาการของวัยที่เสื่อมสภาพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีอาการทั้งหมดดังที่จะกล่าวถึงนี้ แต่อาจจะมีอาการดังกล่าวรวมกัน 4-5 ข้อ ดังจะกล่าวต่อไปนี้

       1.เบื่ออาหาร ร่างกายของคนเราต้องการพลังงานเพื่อขับเคลื่อนต่อไป หากมีใครปฏิเสธอาหาร หรือน้ำ หรือทานอาหารได้ในปริมาณน้อย เช่น กินแค่ข้าวต้มถ้วยเล็กๆ ไม่ยอมทานเนื้อสัตว์ แม้ว่าจะเป็นอาหารโปรดที่เคยชอบทานก็ไม่อยากแตะ นั่นหมายถึงอาการของความตายเริ่มเข้ามาเยือนแล้ว คนส่วนใหญ่ที่ร่างกายเสื่อมสภาพ มักมีปัญหาเรื่องการกลืนอาหาร วิธีช่วยอาจทำได้โดย อย่าบังคับให้ทานอาหาร แม้ว่าผู้ดูแลอาจรู้สึกเครียดที่ญาติ หรือคุณพ่อ คุณแม่ไม่สามารถทานอาหารได้ แต่ใช้วิธีเสริมกำลังใจ หรือให้ทานไอศกรีม หรือจิบน้ำ หรือน้ำแข็ง ใช้ผ้าอุ่นๆ เช็ดบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและผ่อนคลาย
      
       2.เหนื่อยง่ายและต้องการนอนมากกว่าปกติ คนไข้ที่เริ่มนอนในเวลากลางวันและกลางคืนเป็นเวลานาน มีการไหลเวียนของโลหิตน้อยลง และปฏิเสธไม่ทานอาหารและน้ำ และเริ่มขาดน้ำ ไม่สามารถตื่นและทำกิจกรรมได้ตามปกติ เริ่มเหนื่อย อ่อนเพลีย และเลื่อนลอย วิธีช่วยอาจทำได้โดย ให้นอนและหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนที่ทำให้ตื่น เมื่อคนไข้อยู่ในภาวะไม่รู้สึกตัว หรือโคม่าให้พูดคุยเหมือนคนไข้ได้ยินถึงแม้ว่าคนไข้จะไม่มีอาการตอบสนองก็ตาม
      
       3.ร่างกายอ่อนแอไม่อยากเคลื่อนไหว เมื่อร่างกายเริ่มปฏิเสธอาหารทำให้ขาดพลังงานและนำไปสู่ความอ่อนแอ แทบไม่อยากจะยกศีรษะในขณะที่นอนและมีปัญหาการดื่มน้ำจากหลอด วิธีช่วยอาจทำได้โดย ทำให้คนไข้นอนในท่าที่สะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
      
       4.สับสนและหลงลืม นอกจากอวัยวะเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว สมองที่เคยทำงานได้อย่างดีก็เริ่มจำอะไรไม่ค่อยได้ ความทรงจำที่เหลือคือความฝังใจที่สดชื่นหรือขมขื่นในอดีต คนไข้อาจจำไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน จำชื่อคนอื่นไม่ได้ อาจพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือเหลวไหล สับสนเรื่องเวลา หรือจำไม่ได้ว่าทานอาหารหรือยัง วิธีช่วยอาจทำได้โดยช่วยเตือนความจำด้วยความใจเย็น และพูดกับคนไข้ด้วยเสียงอ่อนโยน และบอกชื่อของตัวเองให้คนไข้ทุกครั้งที่พบกัน เพื่อคนไข้จะจำได้
      
       5.หายใจลำบาก การหายใจเข้าออกไม่สม่ำเสมอ ติดขัด และยากลำบาก เวลาหายใจสามารถได้ยินเสียงดังและหายใจเข้าลึก มีอาการหอบ หรือมีการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ หยุดหายใจประมาณ 5 วินาที หรือนานถึง 1 นาที ก่อนจะหายใจแรงและลึกอีกครั้งและค่อยๆ หายไปอีก บางครั้งหายใจเข้าออกดังครืดคราด วิธีช่วยอาจทำได้โดย เตือนผู้เฝ้าไข้ให้ระวังและใส่ใจสังเกตอาการเหล่านี้ โดยพยายามให้คนไข้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด นั่งในที่ที่สบาย หรือตั้งศีรษะให้อยู่ในที่ผ่อนคลาย หายใจสะดวก เช็ดริมฝีปากด้วยผ้าเปียก หรือทาลิปมันเพื่อช่วยให้ริมฝีปากสดชื่น หากมีเสมหะมากให้ขับออกโดยธรรมชาติ ในกรณีที่ไม่มีเครื่องดูดเสมหะ การใช้เครื่องช่วยหายใจอาจช่วยได้ 
      
       6.ไม่เข้าสังคม เมื่อร่างกายเริ่มหมดสภาพ ผู้ที่ใกล้ตายจะหมดความสนใจกับสิ่งรอบตัว บางครั้งอาจพูดน้อยลง บ่นพึมพำ สมองทำงานไม่ฉับไว ไม่ตอบสนองต่อคำถาม หรืออาจจะเดินหนีไป ก่อนที่อาการไม่สุงสิงกับผู้คนจะเริ่มขึ้น บางครั้งคนที่ใกล้ตายอาจจะทำให้คุณประหลาดใจโดยแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้เราตื่นตกใจได้ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นไม่ถึงชั่วโมงหรืออาจทั้งวันก็ได้ วิธีช่วยอาจทำได้โดย ใช้เราเฝ้าสังเกตอาการเหล่านี้ และใช้วิธีสัมผัส ลูบเบาๆ ที่แขน พูดคุย เมื่อคนไข้เริ่มจำได้ถึงความหลังเก่าๆ ให้รีบตอบสนองทางบวกทันที เพราะความจำเหล่านี้อาจจะหายไปในพริบตา
      
       7.การเปลี่ยนแปลงเรื่องการถ่ายปัสสาวะ ในขณะที่ผู้ป่วยไม่สนใจเรื่องการทานอาหารและการดื่ม ทำให้การขับถ่ายน้อยลงด้วย ความดันเลือดต่ำ เป็นขั้นตอนหนึ่งของผู้ที่กำลังสูญเสียชีวิต เมื่อถึงจุดนี้อาจไม่มีอะไรที่จะช่วยได้ และอาจมีอาการอย่างอื่นที่พอสังเกตเห็นด้วยเช่น ไตเริ่มไม่ทำงาน ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ เมื่อเป็นสีน้ำตาล แดงหรือสีชา การสูญเสียการควบคุมปัสสาวะอาจเป็นอาการสุดท้ายของผู้ที่กำลังจะตาย วิธีช่วยอาจทำได้โดย บางครั้ง ทางการแพทย์อาจตัดสินใจใช้การช่วยระบายของเสียออกจากร่างกาย ถึงแม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต แต่การมีไตที่ไม่ทำงานจะทำให้โลหิตเป็นพิษและอาจส่งผลให้เข้าสู่โคม่าก่อนเสียชีวิต
      
       8.บวมที่เท้าและตามข้อต่อ เมื่อไตไม่สามารถฟอกเลือดได้ จะทำให้ไปสะสมในอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น หัวใจ โดยเฉพาะข้อต่อและขา อาจเป็นบริเวณมือ หน้าและเท้ามีอาการบวมน้ำได้ วิธีช่วยอาจทำได้โดย เมื่อถึงขั้นนี้ปกติจะไม่มีการช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษ เพราะอาการบวมไม่เป็นสาเหตุของโรค แต่เป็นเพราะอาการชรา และการเสื่อมสภาพของร่างกาย
      
       9.มือและเท้าเย็น หนึ่งชั่วโมงหรือ 2-3 นาทีก่อนเสียชีวิต ผู้ป่วยมักมีอาการมือและเท้าเย็นเนื่องจากเลือดไม่ไปเลี้ยงตามปลายประสาท ดังนั้น นิ้วมือ นิ้วเท้าจะเย็น เล็บอาจมีสีจาง หรือสีน้ำเงิน วิธีช่วยอาจทำได้โดย ห่มผ้าห่มอุ่นๆ ให้คนไข้เพื่อให้สบายตัวขึ้น
      
       10.เส้นโลหิตดำเป็นลายพร้อย หรือกระด่างกระดำ ผิวหนังมีรอยดวง ด่างดำ ซีดหรือมีแต้มสีแดง สีน้ำเงินขึ้นเป็นจุดๆ เป็นอาการของผู้ที่จะเสียชีวิต สิ่งนี้เป็นผลจากการไหลเวียนหิตที่ล้มเหลว อาจปรากฏให้เห็นก่อนตามบริเวณเท้า
      
       สัญญาณของผู้ใกล้เสียชีวิตแต่ละคนนั้น อาจมีขั้นตอนที่แตกต่างกันไป สิ่งที่เขียนข้างบนนี้เป็นเพียงการให้ความรู้กับผู้อ่านในการสังเกตทั้งผู้ป่วยและคนชราที่อยู่ใกล้ตัวท่าน ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านดูแลผู้ที่กำลังจะสูญเสียชีวิตด้วยความรัก ความเมตตาและความอดทนจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเขา เพื่อที่คุณจะไม่ต้องมารู้สึกเสียใจในภายหลั

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำไมถึงยังใช้ Windows XP กันอยู่?





Windows XP เหลืออายุอีกแค่ 1 ปี แต่ยังมีผู้ใช้งานอยู่มาก (ตัวเลขในประเทศไทยที่ไมโครซอฟท์ประเมินจากสถิติ StatCounter อีกทีคือ 7.2 ล้านเครื่อง อันนี้เฉพาะที่ต่อเน็ตนะครับ)
Ask Blognone ตอนนี้จึงขอถามผู้ใช้ Windows XP ในปัจจุบันนี้ (โดยเฉพาะผู้ใช้ทั่วไป ไม่ใช่ผู้ใช้องค์กร) สามข้อดังนี้

ทำไมยังใช้ Windows XP อยู่
มีแผนจะเปลี่ยนหรืออัพเกรดหรือไม่
อะไรเป็นปัจจัยผลักดันให้อัพเกรด

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำให้ ไฟล์ นามสกุล PSD ของ Photoshop แสดงภาพ Thumnail บน Windows 7,8 หรืออื่นๆ (ลองดู)




หลายๆคนคงชอบที่จะดูไฟล์ นามสกุลต่างๆ และทำการพรีวิว (Preview)
ภาพหัวแม่โป้ง (Thumbnails)

คือเอาง่ายๆ จะดูไฟล์ต่างๆ ให้มันแสดงเป็นรูปภาพ เช่นไฟล์ภาพต่างๆ ที่มีนามสกุล
หลากหลายเช่น png,jpg,bmp,gif,psd เป็นต้น

แต่ว่ามีอยู่ไฟล์หนึ่ง ที่ผมต้องการให้แสดงเป็นภาพ คือไฟล์นามสกุล PSD


ครับมีตัวแก้อยู่ครับก็ให้ไปดาวโหลดได้ที่นี่เลย
http://www.4shared.com/zip/fstitn1G/sagethumbs_20015_setup.html

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ชัทดาวน์ Shutdown และ Windows ทุกระบบให้โครตเร็วแบบเทพจุติ


ทุกๆท่านที่ใช้คอมพิวเตอร์คงเหนื่อยหน่ายกับการที่คอมของเรา ไม่ว่าจะเป็น 
WindowXP,7,8 ของเรามัน Shutdown หรือปิดช้านั้นเอง

ความเหนื่อยหน่ายนี้เราก็จะทนมันเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนเรากินข้าว
สามเวลาเลยแหละ


แล้วเราจะ Shutdown หรือ Restart มันทำไมหละ นะแหละหลายๆคน
คงก็แค่เปิดเครื่องตอนเช้า แล้วปิดเครื่องตอนเลิกทำงานตอนเย็น

แล้วบางคนในระหว่างวันก็ปิดๆเปิดๆ เพื่อประหยัดพลังงาน Batt

ไอ้ตอนมันปิดนะสินานมากมันไม่ทันใจกว่าจะปิดก็รอตั้งหลายนาทีกว่า
จะปิดลงได้เล่นเอาเสียอารมณ์ 


ขณะนั้นมันก็จะค่อยๆไล่ปิด Service เบื้องหลัง รวมทั้งเตือนให้เราเซฟ
งานต่างๆที่เปิดอยู่ในขณะนั้นด้วย

และยิ่งตอนขณะปิดยังมาเจอเจ้า Windows Update บอกให้อย่าเพิ่งปิดนี้
เสียอารมณ์มาก (ซึ่งถ้าเราปิดก็อาจจะกระทบต่อการอัพเดทมัน)

ฮ่าๆแต่เราก็ไม่อยากจะสนใจมันหรอก เพราะเราอยากจะลุกกลับบ้าน
หรือลุกออกไปจากจุดนั้นจะตายอยู่แล้ว เพื่อนก็รอ รถก็ติด


เอ้าค้นไปมาก็เจอโปรแกรมที่ช่วยในการ Shutdown /Restart แบบรวดเร็ว
มันทำให้เราหยุดวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ ได้



เพราะหลังติดตั้งแล้วมันก็จะมี Icon มาสองตัว คือ Icon Restart และ Icon Shutdown

พระเจ้าพอลองคลิกดู มันช่างปิด และรีบู๊ท คอมเราได้เร็วโครตเร็ว
จนรู้สึกเหมือนกับว่าเราไปชักปลั๊กคอม หรือบังคับกดปุ่มรีเซ็ทคอมของเราเองเลย
หละ

มันเป็นไปแล้วครับ บางคนอาจจะบอกว่ามันจะทำให้คอมเสียหรือไม่
ข้อนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจคือ ลงมาแล้วหลายๆ เครื่อง หลาย Win ทั้ง Notebook 
และคอมตั้งโต๊ะ ไม่ใช่ลงๆถอดๆ นะ ก็ลงใช้มันนะแหละเป็นปีๆ แล้ว
มันก็ไม่เห็นจะฟ้องว่าพังอะไร

เอาร่ายยาวไป ดาวโหลดที่นี่ครับ
http://www.4shared.com/zip/mMFGwUIX/superfast-shutdown.html




เปลี่ยนให้ Windows 8 มี Startup Menu เหมือน winxp และ win7















และแล้วปัญหาของพัฒนาการ Windows 8 ก็ยังไม่หมดสิ้น
ก็เพราะผู้ใช้แต่ละคนบนโลกนี้ยังมีความต้องการความสะดวก
ในการใช้งานของโปรแกรมไม่เหมือนกัน

เมื่อ Windows8 เค้ากำหนดให้หน้าตา ของเค้าเป็น แบบทัชสกรีน Touch screen
แล้วก็ซ่อน หรือตัด Start menu แบบเก่าออกไป



















ทีนี้ทำให้คนจำนวนมากที่มาลองใช้ Windows8 ถึงกลับถอยหลังแบบไร้เยื้อใย
ไปใช้วินโดว์ ตัวเดิมกันดีกว่า เพราะว่า เค้าบังคับให้ใช้ UI แบบ สไลด์ ทัช
แถมเมนูต่างๆ ก็จะซ่อนอยู่ตามหลืบ ตามซอก ตามมุมทั้ง 4 ด้าน
บนหน้าจอ Windows  ทำให้เวลาจะหาอะไร ปรับอะไร มันก็จะ
กลับมาหน้าแรกแบบ สไลด์อยู่เสมอ

นี้ถ้าไม่เป็นคนชอบอะไรใหม่ๆละก็ถือว่า ไม่คบกันเลยกับ Win8
เพราะมันสุดจะไฮเทค ซ้อนกันไปมาระหว่าง Win แบบเดิม
กับแบบใหม่ มันจะซ้อนกันทำไมให้ยุ่งยากละเนี้ยะ

อยากใช้แบบเดิมๆนะ ขอร้อง......


โอเคร ถ้าใครไม่ชอบก็ลองดาวโหลด โปรแกรมทำ Start เมนูสำหรับ Win8
ไปแล้วละกัน



ตัวใหม่นี้ดูสีธรรมชาติ การส่งและกาง Start menu ก็ดูสวยงามง่ายและเข้า
ท่ากว่าเดิมมาก มันดูรู้เรื่องรู้ราว ดีมากครับ ทุกวันผมก็ใช้อยู่ติดใจมากเลย
ขอบอก...อิอิ.....

ลองดูโหลดที่ลิ้งค์นี้ครับ
http://www.4shared.com/zip/yKLaAWQs/okwindows_8_Startmenu.html



หรือถ้าด้านบนเข้าไม่ได้ให้ลองเลือกอีกแบบดูครับ
เข้าไปที่เว็บไซต์นี้ http://www.startmenux.com/index.html


ใครไม่ชอบ Start menu ของ Window 7 เชิญทางนี้





หลายๆท่านคงเบื่อ Start menu  ของ Windows7 
เพราะว่ามันดูใช้งานยาก แม้ว่ามันจะถูกจัดหมวดหมู่
มาอย่างดีตามแบบฉบับ Microsofte เพื่อไม่ให้เรางง 
แล้วก็ตาม แต่เราก็ยังคงงงมันอยู่ดี

ที่เรายังคงงงกับมันผมว่ามันคงเป็นเพราะการ
ออกแบบเมนูมันไม่เรียบง่าย แบบ XP มันก็เลยทำ
ให้ดูซับซ้อน

เอาหละเข้าเรื่องถ้าใครยังชอบเมนูแบบ XP เพื่อนำ
มาติดตั้ง บน Win7 กันดีกว่า
ถ้าได้จะเป็นตามรูปด้านล่างครับ



ดาวโหลดข้างล่างนี้ 4shared
http://www.4shared.com/zip/T7cbu7kb/_Start_Menu_Win7__Xp.html


วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

สหรัฐฯเสริมเรือพิฆาตลำที่2รับมือโสมแดง วอนจีน-รัสเซียช่วยปราม (น่าสนใจ)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์3 เมษายน 2556 03:16 น.
       
      
       เอเจนซี/เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯเตรียมส่งเรือพิฆาต ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงลำที่ 2 เข้าประจำการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ท่ามกลางความหวั่นกลัวต่อคำขู่ทำสงครามของเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่อเมริกาเผยเมื่อวันอังคาร(2) ขณะที่ทำเนียบขาวเรียกร้องจีนและรัสเซีย แสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นในความพยายามห้ามปรามโสมแดง หลังเปียงยางแถลงจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง
      
       สหรัฐฯกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ยากลำบาก ในความพยายามหลีกเลี่ยงขยายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากอีกด้านหนึ่งก็จำเป็นต้องเดินหน้าสร้างความอุ่นใจแก่ชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ถึงขีดความสามารถของกองทัพอเมริกาในการตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวใดๆของเปียงยาง
      
       ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า(1) เรือพิฆาตยูเอสเอสจอห์นแม็คเคน แก้ไขข้อมูลจากเดิมที่มีรายงานข่าวว่าเป็นเรือพิฆาตยูเอสเอสฟิตซ์เจอรัลด์ ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ถูกส่งเข้าประจำการนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้
      
       ล่าสุดในวันอังคาร(2) เหล่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันกับรอยเตอร์เพิ่มเติมว่าเรือพิฆาตอีกลำ ได้แก่ยูเอสเอสเดคาเตอร์ กำลังมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคดังกล่าว เพื่อเสริมทางเลือกของระบบป้องกันขีปนาวุธนำวิถี แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆอีก
      
       อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เหล่านี้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่ากำลังมีการติดตั้งเรดาร์ตรวจจับขีปนาวุธ X-band นอกชายฝั่งญี่ปุ่น โดยบอกตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆจนกว่าจะเสร็จสิ้นการทดสอบเสียก่อน ทั้งนี้ เรดาร์ X-band เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธ มีไว้สำหรับแกะรอยมิสไซส์ของฝ่ายศัตรู
(แฟ้มภาพ) เรือพิฆาตของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ระหว่างซ้อมรบร่วมเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม
       ข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มแสนยานุภาพป้องกันภัยคุกคามขีปนาวุธรอบๆคาบสมุทรเกาหลี มีขึ้นหลังจากเปียงยางประกาศเมื่อวันอังคาร(2) ว่าจะเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้งเพื่อป้อนวัสดุนิวเคลียร์ให้แก่โครงการอาวุธ “นุก” ของตน จนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ บัน คีมุน ออกโรงเตือนว่าวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีอาจจะบานปลายขยายตัวจนกระทั่งควบคุมกันไม่อยู่
      
       “ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ไม่ใช่เป็นแค่เกมๆ หนึ่ง” บัน แถลง ซึ่งเป็นการแสดงทัศนะต่อคำแถลงอย่างก้าวร้าวที่ออกมาอย่างชนิดต่อเนื่องเป็นชุดใหญ่ของโสมแดง และเร่งให้สหรัฐฯจัดส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งรุ่น บี-52 และ บี-2 สเตลธ์ ตลอดจนเรือพิฆาตที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ไปประจำการยังเกาหลีใต้
      
       ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานโดยอ้างคำกล่าวของโฆษกด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศที่ระบุว่า โสมแดงจะดำเนินการปรับปรุงใหม่และเปิดการดำเนินงานทั้งหมดในนิคมนิวเคลียร์ยองบอนของตนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมและเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้นานาชาติเกิดความระวังตื่นตัวอย่างสูง และจีนผู้เป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของเปียงยาง ก็ยังออกมาแถลงแสดงความเสียใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ
      
       อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ในวันอังคาร(2) สหรัฐฯ ก็ออกมาเรียกร้องจีนและรัสเซีย เพิ่มความพยายามมากกว่าที่เป็นอยู่สำหรับห้ามปรามเกาหลีเหนือ ที่ประกาศจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง โดย เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าการตัดสินใจดังกล่าวของเปียงยาง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือละเมิดละเมิดพันธสัญญาที่เคยให้ไว้กับนานาชาติ
      
       "ใครๆก็รู้ดีว่าจีนมีอิทธิพลกับเกาหลีเหนือ ตอนนี้เราขอเรียกร้องให้ จีน ใช้อิทธิพลของพวกเขา พยายามสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ และเป็นความจริงเช่นกัน ที่เราได้พูดคุยในประเด็นดังกล่าวกับรัสเซีย" โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
      
       คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในท่ามกลางวงจรแห่งการเพิ่มความตึงเครียดอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และบานปลายขยายตัวออกไปทุกทีๆ นับตั้งแต่ที่โสมแดงดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และติดตามด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในต้นเดือนกุมภาพันธ์
      
       ความเคลื่อนไหวที่ติดตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลงมติของยูเอ็นให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง ตลอดจนการจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ต่างก็ถูกเปียงยางใช้อ้างเป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการเร่งทวีออกมาตรการนานาเพื่อมุ่งข่มขู่โซลและวอชิงตัน ซึ่งมีทั้งการคุกคามที่จะยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธและการเปิดสงครามนิวเคลียร์