วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายเลว

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมผู้ชายดีๆถึงไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ผู้ชายเลวๆ หรือที่เราเรียกว่า Bad Boy กลับเป็นที่ใฝ่ฝันของบรรดาสาวๆทั้งหลาย จนผู้หญิงชอบพูดติดปากกันว่า

“ผู้ชายดีๆ คือผู้ชายที่ตายแล้ว” นั่นแหละครับคือเหตุผล เพราะผู้หญิงไม่อยากคบกับศพนั่นเอง ขอจบบทความแต่เพียงเท่านี้ ล้อเล่นครับล้อเล่น ก่อนที่จะมาเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายเลว เรามาดูตัวอย่างกันก่อนดีกว่า ทุกคนคงสังเกตเห็น เอาตั้งแต่เด็กๆเลย เริ่มตั้งแต่สมัยประถม ถึงมัธยม พวกเด็กเรียน แว่นหนา ปัญญาสูง กลับโดนผู้หญิงเมิน ทำให้ต้องกลายเป็นพวกติดเกม อยู่ในโลกสามมิติ อย่างเกม “รักนารก” (ไม่ขอสะกดเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากกลัวปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์) จนป่านนี้ยังมีเด็กติดกันตรึม โดดเรียนมาเล่นก็ยังมี จนเป็นปัญหาสังคมอยู่จนถึงทุกวันนี้ ส่วนพวกสุภาพบุรุษแสนดี หรือที่เราเรียกว่า Nice Guy ที่คอยเอาอกเอาใจผู้หญิง คอยขับรถรับส่ง เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง เวลาช็อปปิ้งก็เป็นบัตรเครดิตส่วนตัวให้เธอ เต็มไปด้วยความโรแมนติค ซื้อดอกไม้ ซื้อของขวัญให้เป็นประจำ กลับโดนเมิน โดนเล่นตัวใส่ หรือโดนหลอกใช้เอาซะงั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้หญิงน่ะฉลาด นอกจากนี้ยังมีความรู้สึก และสัมผัสที่ไวกว่าผู้ชายหลายเท่านัก พวกเธอรู้ดีว่าคนที่เข้ามาทำดีกับเธอแบบนี้ ไม่ได้ทำเพื่อเธอด้วยความจริงใจ แต่ทำเพื่อตัวเองต่างหาก นั่นคือทำดีเพื่อให้เธอชอบและยอมรับพวกเขา ประมาณว่า

            “อนึ่งพวก Nice Guy ดำเนินมา
            นางก็เห็นอสรพิษ
            สองแฉกชิวหา
            ประทับอยู่บนเกศา
            เลื้อยลดปรากฏมา
            ประจักษ์แก่สายตาของนางเอย”

สำหรับพวกผู้ชายธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นก็ธรรมดาจริงๆ จะมีแฟนบ้างก็มีแฟนธรรมด๊าธรรมดา ไม่ได้สวยงาม เริดหรูไฮโซ อย่างพวกเด็กเลว ซึ่งพวกนี้จะเป็นพวกจอมปัญหา ไม่ยอมอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน สูบบุหรี่ (เท่ห์ตายล่ะ ตอนโตติดมันเลิกไม่ได้แล้วจะรู้สึก) มีเรื่องชกต่อย ตั้งกลุ่มตั้งแก๊ง ยกพวกตีกัน จนถึงขั้นเสพย์ยา (หาทางตาย ไม่ก็ติดคุก) กลับเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ถึงโตขึ้นมา มีความคิด มีประสบการณ์มากขึ้นผู้หญิง ก็ยังชอบผู้ชายไสตล์ Bad Boy อยู่ดี ยกตัวอย่างในเมืองนอก ศิลปินที่โด่งดังไปทั่วโลก มีผู้ชื่นชอบมากมาย มักเป็นพวกทำตัวร้ายกาจ ชอบใช้กำลัง ขับรถซิ่ง ติดยาเสพย์ติด มีชีวิตที่ลึกลับ คลุมเครือ และเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติ เช่น James Dean, Motley Crue, Kurt Cobain นักร้องนำวง Nirvana, Hideto Matsumoto (Hide) มือกีตาร์วง X-Japan เป็นต้น



เหตุผลที่ผู้หญิงชอบผู้ชายเลว หรือ Bad Boy นั้นไม่ใช่ชอบความเลวของเขา เพราะคนทุกคนต่างมีศาสนา มีศีลธรรม ได้รับการสั่งสอนให้เป็นคนดี ในจิตสำนึกย่อมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี และละอายแก่บาปกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ผู้ชายเลวสามารถขโมยหัวใจบรรดาสาวๆทั้งหลายนั่นคือ ความเป็นปัจเจกชน (Individualist) มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่หวั่นไหว เปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยปัจจัยภายนอกอย่างง่ายๆ คนพวกนี้จะเป็นคนพิเศษ เขาจะไม่สนใจและเปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติ การกระทำ และเป้าหมายของตัวเองง่ายๆ เมื่อมีคนไม่เห็นด้วย เขาจะเปลี่ยนตัวเองเมื่อเขาคิดว่าถึงเวลา และมาจากความต้องการของตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถคาดเดาได้ มีความลึกลับน่าค้นหาในตัว และมีประสบการณ์ชีวิตด้านที่ผู้หญิงไม่เคยสัมผัสมากมาย (เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูแบบมีกฎเกณฑ์ต่างๆมากกว่าผู้ชาย ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็นในโลกที่พวกเธอไม่เคยได้เข้าไปสัมผัส)

และสิ่งสำคัญ พวกผู้ชายเลว หรือ Bad Boy ทั้งหลายไม่ใช่คนเลวซะทีเดียว พวกเค้ามีความเป็นมนุษย์ มีด้านสว่างหรือด้านที่ดีอยู่ในตัวกันทุกคน คนที่ทำตัวดี อยู่ในกฎระเบียบของสังคม จิตใจอาจคิดอะไร หรือมีพฤติกรรมอะไรที่ใครก็คาดไม่ถึงก็เป็นได้ อย่างที่เค้าเรียกกันว่า มือถือสากปากถือศีล มนุษย์นั้นไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครที่ดีที่สุด และไม่มีใครที่เลวสุดขั้ว มนุษย์ทุกคนไม่มีสีขาว และไม่มีสีดำ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์แล้วทุกคนล้วนเป็นสีเทา ไม่มีคนดีคนไหนที่ไม่เคยทำชั่ว และไม่ว่าจะชั่วแค่ไหน ลึกๆในจิตใจก็ยังมีความดีนี้หลงเหลือ เพราะเหตุที่ผู้ชายหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้หญิงคือการทำตัวเป็นคนเลว บางคนจึงเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ไม่ยอมอยู่ในระเบียบของสังคม สร้างความก้าวร้าวขึ้นในตัว เอาพฤติกรรมที่ไม่ดีมาใช้ จนถึงขั้นใช้ยาเสพย์ติด เพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจ และดูลึกลับน่าค้นหา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเชื่อผิดๆ

บางคนเลวยังไงผู้หญิงก็ไม่สน เพราะเค้าไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง เค้าเพียงใช้นิสัยของเด็กซึ่งแสดงออกถึงพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่ ซึ่งผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายที่มีนิสัยเด็กๆอยู่แล้ว เพราะอย่างที่บอกไปผู้หญิงไม่ชอบ Bad Boy ที่ความเลว และรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมต่างๆของพวก Bad Boy ที่คุณคิดจะเลียนแบบ ล้วนเป็นผลเสียต่อตัวคุณเองและสังคมทั้งนั้น การไม่อยู่ในกฎระเบียบของสังคม ย่อมทำให้สังคมวุ่นวาย และตัวคุณก็จะได้รับการลงโทษจากสังคม การใช้ความรุนแรง ย่อมจุดชนวนของความรุนแรงกว่าที่ตามมา การขับรถซิ่ง เป็นการก่อความรำคาญแก่ชาวบ้านทั่วไป และเป็นการเอาชีวิตของคุณเข้าไปเสี่ยงกับพฤติกรรมที่ทำให้คุณถึงแก่ชีวิตได้ทุกเวลา การใช้ยาเสพย์ติด ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและมั่นใจในตัวเองเพียงช่วงแรกๆเท่านั้น ถ้าคุณติดมัน ชีวิตคุณจะเหมือนอยู่ในนรก สมองคุณจะถูกทำลายอย่างถาวร ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ การรับรู้จะเปลี่ยนไป เกิดอาการทางประสาทมากมาย และเป็นโรคสมองติดยา ในที่สุด เชื่อไหมว่าศิลปินหลายคน หลายวงในต่างประเทศ ล้วนประสบปัญหานี้ พวกเค้าออกอัลบั้มได้สักพักหนึ่ง ก็ต้องเข้าไปรับการบำบัดที่สถานบำบัดต่างๆ จนอาการดีขึ้น แล้วค่อยออกมาออกอัลบั้มใหม่ โดยแจ้งข่าวว่าเก็บตัวทำงานเพลงหรืออะไรอื่นๆ ไม่เปิดเผยความจริงแก่สังคม ซึ่งคนในวงการแพทย์ด้านยาเสพย์ติดต่างรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี คุณคิดว่าชีวิตพวกเค้ามีความสุขนักหรือ

ดังนั้นจงเข้าใจเสียใหม่ว่า Bad Boy ไม่ได้ดึงดูดผู้หญิงด้วยความเลว ตัวอย่างแบดบอยที่เราเห็นได้ชัดเจนมากคือ บทบาทของ Mr. Vin Diesel ในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เช่น XXX, The Chronicles of Riddick, Fast and Furious ที่มัดใจสาวๆหลายๆคน ตั้งแต่วัยกระเตาะจนถึงสาวแก่แม่หม้าย ด้วยความดิบ เถื่อน และเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือบทบาทนายตำรวจผู้กวาดล้างยาเสพย์ติด ในเรื่อง A Man Apart ซึ่งเค้าเล่นเป็น Sean Vetter นายตำรวจผู้เต็มไปด้วยคุณธรรม และความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย (แต่ใจร้อนเกินไปหน่อย) และสิ่งที่ Bad Boy ใช้ดึงดูดพวกผู้หญิง ก็ไม่ใช่ความเลว แต่เป็นความเป็นปัจเจกชน ความเป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจในตัวเอง ความเป็นผู้นำ บุคลิกภาพที่ดี ความลึกลับน่าค้นหา และความสามารถพิเศษด้านอื่นๆ ต่างหาก เปลี่ยนจากพฤติกรรมทางลบมาเป็นพฤติกรรมทางบวก พฤติกรรมที่สร้างสรรค์ดีกว่า เช่น ถ้าชอบความรุนแรง การต่อสู้นักล่ะก็ แทนที่จะไปเป็นอันธพาล มือปืน นักเลง เจ้าพ่อ มาเฟียร์ เปลี่ยนมาเป็น ตำรวจ ทหาร นักมวย นักศิลปะการต่อสู้ ยังดีซะกว่า ได้ผลดีกว่าและยั่งยืนกว่าด้วย เพราะผู้หญิงที่ชอบ Bad Boy ที่ความเลวนั้นคือผู้หญิงที่มีความเป็นเด็กในจิตใจสูง แต่ผู้หญิงที่มีวุฒิภาวะสูง มีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ จะมีเหตุมีผลมากขึ้น และเริ่มหมดความสนใจในการกระทำที่ไร้เหตุผล และพฤติกรรมในทางลบของผู้ชาย นั่นคือ Bad Boy จะดึงดูด Childish Women แต่ Gentleman จะดึงดูด Perfect Women


ขอบคุณ

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

สไตล์การทำงานนั้นมันสำคัญยังไง -เป็นตัวของตัวเอง-สไตล์ที่ตัวเองกำหนด

สไตล์การทำงานนั้นมันสำคัญยังไง และมันจะทำให้เราเป็นเทพได้อย่างไร ผมเชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ส่วนมากเลยจะมองข้ามมันไป แต่คุณรู้มั๊ยครับว่า นี่คือหัวใจหลักสำคัญอย่างนึง ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและเป็น "เทพ" ในการทำ Internet Marketing

ถ้าผมจะพูดถึง "Warren Buffett" แทบทุกคนก็คงจะรู้จักกันดี เพราะปู่บัฟเฟตถือว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกมานานแสนนาน (ถึงแม้ตอนนี้จะหล่นไปอยู่ที่ 3 แล้วก็ตาม) ปู่บัฟเฟตนั้นร่ำรวยมาจากการเป็นนักลงทุนที่ถือว่าเป็นนักลงทุนที่อัจริยะที่สุดในโลก หรือถ้าจะพูดกันภาษาบ้านเราให้เข้าใจง่ายๆก็คือเล่นหุ้นนั่นแหล่ะครับ เค้าคนนี้ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการเล่นหุ้นแบบพื้นฐาน ที่จะไม่ดูกราฟราคาหุ้นในการเล่น แต่จะดูที่รายละเอียดสภาพแวดล้อมอื่นๆ และนี่ก็คือ "สไตล์" การลงทุนของปู่บัฟเฟตที่ทำให้เค้าร่ำรวยมาจนถึงทุกวันนี้ และเค้าก็ยังยึดถือสไตล์นี้มาตลอด

แต่ถ้าผมพูดถึง "George Soros" ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะงง และถามว่า "คนนี้คือใคร" คนนี้คือมหาเศรษฐีอันดับที่ 22 ของโลก และเป็นคนที่นักธุรกิจไทยหลายๆคนสาบแช่งและเกลียดชังเค้ามาก เพราะเค้าคนนี้คือคนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 40 (ส่วนเค้าทำยังไงหาใน google เอาเองครับ) Soros นั้นเป็นนักลงทุนเช่นเดียวกันกับปู่บัฟเฟต แต่การเล่นหุ้นของเค้านั้น(ผมขอเรียกรวมๆว่าเล่นหุ้นเลยนะครับ) แตกต่างจากปู่บัฟเฟตตรงที่ว่า เค้าจะเล่นโดยการ "ดูกราฟ" เป็นหลัก ถ้าปู่บัฟเฟตถือว่าเป็นนักเล่นหุ้นพื้นฐานที่เก่งที่สุดในโลก Soros ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเล่นหุ้นทางเทคนิค (เล่นโดยการดูกราฟ) ที่เก่งที่สุดในโลกเช่นกัน และเค้าก็ยังยึดสไตล์การเล่นแบบนั้นมาจนร่ำรวยมาจนถึงทุกวันนี้

สมมติว่าถ้าปู่บัฟเฟตเข้ามาในบอร์ดแห่งนี้ และก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์ว่า "ทำยังไงผมถึงเป็นนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลกได้" บอกทุกอย่างที่เค้าทำ และผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คนส่วนมากในบอร์ดจะต้องทำตามสไตล์และวิธีการของเค้าแบบแทบจะก๊อปปี้แน่นอน และก็จะกลายเป็นกระทู้ที่ยาวๆๆๆๆๆๆๆหลายหน้า มีทั้งคำถามและคำตอบแบบที่ว่าไม่มีที่สิ้นสุด

แต่เหตุการณ์ทำตามและเลียนแบบการทำงานแบบนี้ จะไม่เกิดกับ "George Soros" โดยเด็ดขาด

เคยคิดกันบ้างมั๊ยครับว่า บัฟเฟตเล่นหุ้นเหมือนกันกับ Soros โดยที่บัฟเฟตนั้นเล่นหุ้นแบบพื้นฐานแล้วร่ำรวยมากกว่า Soros เสียอีก ทั้งๆที่เล่นหุ้นเหมือนกัน แล้วทำไม Soros ถึงไม่เปลี่ยนสไตล์ไปเล่นแบบบัฟเฟตบ้าง เพื่อที่จะได้รวยเท่ากันกับบัฟเฟต

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า Soros เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่า ถึงแม้เค้าจะเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปเป็นแบบบัฟเฟต มันก็เป็นเรื่องยากมากกกกกที่เค้าจะร่ำรวยแบบบัฟเฟต ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะทำให้ Soros หมดตัวและเป็นหนี้ท่วมหัวอีกต่างหาก

ลองมองไปในชีวิตประจำวันของคุณสิครับ พวกเราใส่รองเท้าหรือเสื้อผ้าแบบเดียวกันหรือเปล่า? คงไม่… หรือเราใส่เนคไทด์สีเดียวกัน? ก็คงไม่… ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังแต่งตัวไม่เหมือนกันเลย พวกเราทุกคนย่อมมีความเป็นตัวของตัวเองทั้งนั้น

แต่โชคร้ายเหลือเกินที่ Internet Marketer หลายๆ คนมักจะพูดขึ้นว่า ผมจะเป็นเหมือนกับคุณตราวุฒิ เหมือนกับคุณโซว เหมือนกับคุณปุ้ย หรือเหมือนกับใครก็ตาม หรืออาจเหมือนกับคุณพราน ก็ได้ แต่แล้วพวกเขาก็ทำไม่ได้… เพราะพวกเขาไม่มีวันทำอย่างนั้นได้ เพราะพวกเขาลืมที่จะมองว่าพวกเขาเป็นใคร และระบบการทำงานแบบไหนที่เหมาะกับพวกเขา

ผมอยากให้คุณลองดูฟุตบอลโลกดีๆ เคยสังเกตุมั๊ยครับว่า แต่ละทีมมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน เยอรมันมีสไตล์ที่ตั้งรับเหนียวแน่นโต้กลับเร็วและแน่นอนในการทำประตู สเปนมีสไตล์การเล่นแบบต่อบอลที่ไหลลื่นแบบเนียนตา ทีมแต่ละทีมนั้นจะมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกันเลย เพราะถ้าก๊อปปี้กันมา มันจะทำให้ระบบของทีมเสียไป และจะยิ่งแย่ลงไปอีก

คราวนี้ลองกลับมามองที่ตัวเรา คุณเคยสังเกตุมั๊ยครับว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมาแชร์ประสบการณ์และวิธีการทำงานของเค้า แล้วคุณทำตาม มันจะติดขัดไปหมด และรู้สึกอึดอัด นั่นเป็นเพราะมันไม่ใช่ตัวคุณ หรือบางคนอาจจะรู้สึกว่านี่แหล่ะตัวเรา ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณเจอสไตล์การทำงานของคุณแล้ว

จำไว้นะครับว่า ตัวคุณเองนั้นจริงๆแล้วคือ "เทพ" ใน Internet Marketing เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง ถ้าคุณเจอแนวทางการทำงานที่คุณรู้สึกว่า "นี่แหล่ะ! ใช่เลย ผมชอบระบบการทำงานแบบนี้ ผมทำแล้วรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำตามระบบนี้" ยินดีด้วยครับ คุณเจอสไตล์ของคุณแล้ว

ที่มาคุณ BMW
ที่มา : http://forums.thaisem.com/index.php?topic=21459.msg216253#msg216253