วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

สหรัฐฯเสริมเรือพิฆาตลำที่2รับมือโสมแดง วอนจีน-รัสเซียช่วยปราม (น่าสนใจ)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์3 เมษายน 2556 03:16 น.
       
      
       เอเจนซี/เอเอฟพี - กองทัพสหรัฐฯเตรียมส่งเรือพิฆาต ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูงลำที่ 2 เข้าประจำการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ท่ามกลางความหวั่นกลัวต่อคำขู่ทำสงครามของเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่อเมริกาเผยเมื่อวันอังคาร(2) ขณะที่ทำเนียบขาวเรียกร้องจีนและรัสเซีย แสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นในความพยายามห้ามปรามโสมแดง หลังเปียงยางแถลงจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง
      
       สหรัฐฯกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ยากลำบาก ในความพยายามหลีกเลี่ยงขยายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากอีกด้านหนึ่งก็จำเป็นต้องเดินหน้าสร้างความอุ่นใจแก่ชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ถึงขีดความสามารถของกองทัพอเมริกาในการตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวใดๆของเปียงยาง
      
       ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า(1) เรือพิฆาตยูเอสเอสจอห์นแม็คเคน แก้ไขข้อมูลจากเดิมที่มีรายงานข่าวว่าเป็นเรือพิฆาตยูเอสเอสฟิตซ์เจอรัลด์ ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ถูกส่งเข้าประจำการนอกชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้
      
       ล่าสุดในวันอังคาร(2) เหล่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันกับรอยเตอร์เพิ่มเติมว่าเรือพิฆาตอีกลำ ได้แก่ยูเอสเอสเดคาเตอร์ กำลังมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคดังกล่าว เพื่อเสริมทางเลือกของระบบป้องกันขีปนาวุธนำวิถี แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆอีก
      
       อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เหล่านี้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่ากำลังมีการติดตั้งเรดาร์ตรวจจับขีปนาวุธ X-band นอกชายฝั่งญี่ปุ่น โดยบอกตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆจนกว่าจะเสร็จสิ้นการทดสอบเสียก่อน ทั้งนี้ เรดาร์ X-band เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันขีปนาวุธ มีไว้สำหรับแกะรอยมิสไซส์ของฝ่ายศัตรู
(แฟ้มภาพ) เรือพิฆาตของสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ระหว่างซ้อมรบร่วมเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม
       ข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มแสนยานุภาพป้องกันภัยคุกคามขีปนาวุธรอบๆคาบสมุทรเกาหลี มีขึ้นหลังจากเปียงยางประกาศเมื่อวันอังคาร(2) ว่าจะเปิดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้งเพื่อป้อนวัสดุนิวเคลียร์ให้แก่โครงการอาวุธ “นุก” ของตน จนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ บัน คีมุน ออกโรงเตือนว่าวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีอาจจะบานปลายขยายตัวจนกระทั่งควบคุมกันไม่อยู่
      
       “ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ไม่ใช่เป็นแค่เกมๆ หนึ่ง” บัน แถลง ซึ่งเป็นการแสดงทัศนะต่อคำแถลงอย่างก้าวร้าวที่ออกมาอย่างชนิดต่อเนื่องเป็นชุดใหญ่ของโสมแดง และเร่งให้สหรัฐฯจัดส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งรุ่น บี-52 และ บี-2 สเตลธ์ ตลอดจนเรือพิฆาตที่ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง ไปประจำการยังเกาหลีใต้
      
       ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานโดยอ้างคำกล่าวของโฆษกด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศที่ระบุว่า โสมแดงจะดำเนินการปรับปรุงใหม่และเปิดการดำเนินงานทั้งหมดในนิคมนิวเคลียร์ยองบอนของตนขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมและเตาปฏิกรณ์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้นานาชาติเกิดความระวังตื่นตัวอย่างสูง และจีนผู้เป็นพันธมิตรสำคัญเพียงรายเดียวของเปียงยาง ก็ยังออกมาแถลงแสดงความเสียใจ พร้อมกับเรียกร้องให้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ
      
       อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ในวันอังคาร(2) สหรัฐฯ ก็ออกมาเรียกร้องจีนและรัสเซีย เพิ่มความพยายามมากกว่าที่เป็นอยู่สำหรับห้ามปรามเกาหลีเหนือ ที่ประกาศจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอีกครั้ง โดย เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่าการตัดสินใจดังกล่าวของเปียงยาง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือละเมิดละเมิดพันธสัญญาที่เคยให้ไว้กับนานาชาติ
      
       "ใครๆก็รู้ดีว่าจีนมีอิทธิพลกับเกาหลีเหนือ ตอนนี้เราขอเรียกร้องให้ จีน ใช้อิทธิพลของพวกเขา พยายามสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของเกาหลีเหนือ และเป็นความจริงเช่นกัน ที่เราได้พูดคุยในประเด็นดังกล่าวกับรัสเซีย" โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
      
       คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในท่ามกลางวงจรแห่งการเพิ่มความตึงเครียดอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และบานปลายขยายตัวออกไปทุกทีๆ นับตั้งแต่ที่โสมแดงดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และติดตามด้วยการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินในต้นเดือนกุมภาพันธ์
      
       ความเคลื่อนไหวที่ติดตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลงมติของยูเอ็นให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรโสมแดง ตลอดจนการจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ต่างก็ถูกเปียงยางใช้อ้างเป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการเร่งทวีออกมาตรการนานาเพื่อมุ่งข่มขู่โซลและวอชิงตัน ซึ่งมีทั้งการคุกคามที่จะยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธและการเปิดสงครามนิวเคลียร์

3 ความคิดเห็น:

  1. คนกรุงเก่า3 เมษายน 2556 เวลา 10:02


    ไอ้กันยะโสว่าว่าจะกลับมามีอำนาจในเอเซียเพื่อถ่วงดุลจีน จึงถูกจีนใช้เกาหลีเหนือทำสงครามประสาท เพราะจีนรู้ดีว่าอเมริกามีปัญหาเศรษฐกิจ เบื่อหน่ายและล้าไม่พร้อมจะทำสงครามกับใครอีกและเป็นการขู่ยุ่นไปในตัว สังเกตุดูงานนี้จีนเงียบผิดปกติ พญามังกรบินสูงอีกแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆไอ้กันซวยครับเพราะการเคลื่อนพลต้องใช้เงืนทั้งนั้น สงครามไม่เกิดแน่นอนเพราะต่างฝ่ายต่างไม่พร้อมและไม่อยากรบ และไอ้กันก็รู้ดีว่างานนี้จีนไม่มีทางยอมให้เกาหลีเหนือแพ้ ที่เห็นทั้งหมดเป็นการแสดงตามนายสั่งและเป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวเองยังเป็นลูกพี่ใหญ่อยู่


    ตอบลบ
  2. สาเหตุที่เกาหลีเหนือออกมาก้าวร้าวในครั้งนี้เพราะสหรัฐ ฯ กับเกาหลีใต้ ซ้อมรบ...คิม จอม อุน ซึ่งเชื่อว่าก็ต้องมีแบ็คอยู่เหมือนกัน ก็เลยออกมาแสดงความเป็นผู้นำ เพราะหากไม่แสดงอะไรก็เท่ากับว่าหงอ ในที่สุดอาจถูกเขึ่ยจากผู้มีอำนาจตัวจริงในเกาหลีเหนือ...การออกมาก้าวร้าวขนาดนี้ก็เลยกลายเป็นความชอบธรรมให้สหรัฐ ฯ ที่จะขนสรรพกำลัง มาอยู่ในภูมิภาคนี้ได้เต็มที่ การที่สหรัฐ ฯ เคลื่อนกำลังเข้ามาในภูมิภาคนี้ ก็เท่ากับมาคานอำนาจจีนอย่างเต็มรูปแบบ...เพราะอย่างไรเสีย สมัยนี้วิทยาการเกี่ยวการเห็นโลกภายนอกมันยากจะถูกปิดกั้นแล้ว คิม จอง อุน ก็รู้ว่าหากเปิดฉากโจมตีขนาดหนักก่อน สุดท้ายแล้ว ตนเองและครอบครัว และบรรดาขุนทหารทั้งหลาย นั้นแหละจะตกที่นั่งลำบาก ประชาชนเกาหลีเหนืออาจตายไป แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ แต่การสั่นคลอนอำนาจตนเอง การจัดระบบ ระเบียบใหม่ ในเกาหลีเหนือ นั่นเป็นสิ่งที่คิม จอง อุน ไม่อยากให้เกิดแน่นอน...

    ตอบลบ
  3. ตรูละเบื่อ3 เมษายน 2556 เวลา 10:08


    สงครามไม่ได้เกิดง่ายๆดอกขอรับ การจะยิงขีปนาวุธนิวเคลียส์ ออกมานั้นไม่ใช่ของเล่นครับ คนรับเคราะห์คือคนเอเซียนะครับ สารกัมมันตภาพรังสี อาจทำให้คนเอเซียรับเคราะห์ไปทั้งหมดนะครับ จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน ยูเครน โอ้อีกหลายประเทศ คงไม่ยอมนั่งนิ่งๆแน่นอน เพราะมีผลกระทบไปหมด ตอนนี้ยังไม่เกืดหรอกขอรับ ไม่ต้องไปวิเคราะห์ให้เสยเวลานะขอรับ

    ตอบลบ